ป้ายโรงแรม ‘ลอยละล่อง’ นำทางเราจากถนนทรงวาด ตัดผ่านเขตวัดปทุมคงคา ก่อนมาหยุดตรงหน้าบ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งดูคุ้นตา ภาพถ่ายตัวละคร ‘เหมยลี่’ ซึ่งแขวนอยู่บนประตูไม้สีน้ำตาลไม่ปล่อยให้เราสงสัยนาน มันทำหน้าที่เฉลยคำตอบจนหายสงสัยแทบจะในทันทีว่า บ้านหลังนี้นี่เองที่เคยใช้ถ่ายฉาก ‘บ้านลุง’ พระเอกต้นตำรับหล่อทะลุแป้งในภาพยนตร์ ‘รถไฟฟ้ามาหานะเธอ’ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะได้รับการปรับโฉมเป็นโรงแรมแห่งใหม่สุดยูนีค โดยคู่รักอดีตนักโฆษณา ซี-สราวุธ ศาสนนันทน์ และ แอร์-ฐนิตา สุทัศน์ ณ อยุธยา
หากสามารถนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในสมัยที่กรุงเทพมหานครยังมีชื่อเรียกว่าบางกอก และเยาวราชยังทำหน้าที่เป็นท่าเรือหลักของพ่อค้าชาวจีน ชาวอินเดีย เราก็คงเห็นภาพความคึกคักของ ‘แพขายน้ำปลา’ บนพื้นที่นี้ได้ชัดเจน จนคาดไม่ถึงว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปร่วมศตวรรษ พื้นที่กว่า 400 ตารางเมตรแห่งนี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมขนาดกะทัดรัดที่เปรียบดั่งโอเอซิสแห่งความสงบใจกลางไชน่าทาวน์
“เราสองคนทำงานโฆษณากันมาสิบกว่าปีจนค่อนข้างอิ่มตัวค่ะ เลยอยากทำธุรกิจส่วนตัวที่เป็นโรงแรมหรือรีสอร์ท เพราะเราชอบแม่น้ำ ชอบทะเล พอมาเจอบ้านหลังนี้แล้วรู้สึกถูกใจ” ฐนิตาเล่าถึงที่มาแห่งแรงบันดาลใจในการปรับปรุงบ้านไม้ริมน้ำหลังนี้ให้กลายเป็นโรงแรมเล็กๆ ก่อนที่ ‘ลอยละล่อง’ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายน 2554 ด้วยฝีมือการออกแบบของ จุฬาทิพย์ อินทรไสย
“เราไม่ชอบโรงแรมห้าดาว อยากให้โรงแรมเป็นเหมือนบ้าน เวลามีแขกมาพักก็เหมือนมีเพื่อนมาหา อยากให้มันดูอบอุ่นและเฟรนด์ลี่มากที่สุด” นี่คือโจทย์แรกที่ฐนิตาและสราวุธส่งให้กับอินทีเรียร์ดีไซเนอร์
ทั้งสองต้องการคงลักษณะเดิมของบ้านหลังนี้เอาไว้ให้มากที่สุด โครงสร้างที่เป็นงานไม้เดิมจึงแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายในตัวบ้านมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้อย่างลงตัวจากเจ้าของเดิม ไม่ว่าจะเป็น โถงรับแขก ห้องพัก และพื้นซึ่งเล่นระดับอย่างสวยงาม งานที่เหลือจึงเป็นการปรับปรุงและซ่อมแซม ตลอดจนแก้ไขบางจุดที่ต้องการเปลี่ยนแปลง เช่น การออกแบบเพื่อรับมือกับระดับน้ำที่อาจสูงเกินคาด ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์แนวราบแบบลอยตัวทั้งหมด ไม่มีการบิวท์อิน และให้ปลั๊กไฟอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าปกติ
ส่วนห้องพักและระเบียงที่อยู่ติดน้ำมีการทำแท่นสูงเพื่อใช้วางข้าวของ นอกจากนี้ ด้วยความที่ตัวบ้านค่อนข้างทึบด้วยช่องหน้าต่างและประตูที่มีน้อย จึงต้องเจาะผนังเพิ่มแล้วหาหน้าต่างกับประตูเก่าจากอยุธยามาใส่เข้าไป
“เดิมเขาทาสีแบบเพลินวานเอาไว้ เราไม่อยากได้แบบนั้น แต่ถ้าเป็นสีของไม้ทั้งหมดก็จะดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา เราอยากคงความเป็นไม้ แต่ขอมีสีสันบ้าง เลยมาลงเอยที่การตกแต่งด้วยลวดลายและเส้นสายของดอกไม้ ซึ่งให้ความมีชีวิตชีวา และดูอบอุ่นอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก”
เหตุผลที่เราใช้ชื่อโรงแรมว่า ลอย-ละ-ล่อง คือหนึ่งเราไม่อยากใช้ชื่อภาษาอังกฤษ แล้วตัวโรงแรมก็เป็นบ้านไม้ริมแม่น้ำ เลยอยากได้ชื่อไทยๆ ที่ให้ความหมายเกี่ยวกับน้ำ อีกเหตุผลหนึ่งคือเราทำงานประจำกันมานานแล้ว เลยอยากใช้ชื่อที่สื่อถึงความรู้สึกที่เป็นอิสระ ฝรั่งทุกคนจะชอบถามค่ะว่าชื่อโรงแรมแปลว่าอะไร?”
ห้องต่างๆ ภายในบ้าน กลายเป็นห้องพักที่กำหนดธีมด้วยโทนสี 7 สี มีห้องสีเขียว สีดำ สีฟ้า สีแดง สีเหลือง รองรับแขกที่มาเป็นคู่ด้วยเตียง Double Bed ส่วนห้องสีส้มเป็น Single Bed สำหรับแขกที่มาตามลำพัง และห้องสีขาวเป็นห้องพักแบบดอร์มที่มีเตียง 2 ชั้น จำนวน 2 เตียง
ห้องที่เห็นสามารถชื่นชมกับวิวเแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างใกล้ชิดก็คือ ห้องสีเขียว สีฟ้า สีดำ และสีส้ม แถมด้วยวิวฝั่งตรงข้ามที่เป็น ‘วัดจีจินเกาะ’ ซึ่งขนาบข้างด้วยบ้านเก่าซึ่งว่ากันว่าหลังหนึ่งเป็นของตระกูลหวั่งหลี และอีกหลังเป็นของเถ้าฮงไถ่ ผู้ผลิตเซรามิคยักษ์ใหญ่แห่งราชบุรี
บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม เราจะสังเกตเห็นเปลที่สามารถปลดลงมาจากเพดานเพื่อนอนทอดกายชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสบายใจ สะท้อนถึงคาร์แรกเตอร์ของแขกส่วนใหญ่ที่เลือกเข้าพักที่ลอยละล่องได้เป็นอย่างดี
“อย่างน้อยน่าจะต้องเป็นคนที่ชอบธรรมชาติ เข้าใจและรับได้ที่แม่น้ำบ้านเราไม่ได้ใส แถมมีผักตบชวาลอยไปมา มีทั้งเสียงเรือ แมลง จิ้งจก ฯลฯ หรืออย่างทางเดินก่อนเข้าโรงแรม เราก็ไม่ปกปิดค่ะว่าเพื่อนบ้านเราเป็นยังไง เพราะเราอยากให้แขกที่มาพักได้เห็นว่า นี่คือวิถีของคนกรุงที่อยู่ริมน้ำจริงๆ” ฐนิตาถ่ายทอดความจริงใจแบบฉบับของเธอ
เรื่อง ศศิขวัญ
ภาพ โรงแรมลอยละล่อง, อายุส วงษ์สมตระกูล, ศศิขวัญ
โรงแรมลอยละล่อง วัดปทุมคงคา ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
โทร. 0-2639-1390, 08-9133-1131, 08-9454-1414
Line @loylalong